แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เทคนิค แสดงบทความทั้งหมด

ลู่วิ่งไฟฟ้า ช็อต! ไขมันให้พุงสั่นสะเทือน

     "  ใครอ้วนยกมือขึ้น !  "

     ถ้าคุณเป็นอีกคนที่กำลังคิดจะลดความอ้วนอยู่หละก็ ขอแค่ อย่าพึ่งล้มเลิกความตั้งใจตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เพราะ "ลู่วิ่งไฟฟ้า" อาจช่วยคุณได้ !

วิ่งลู่วิ่งไฟฟ้า 5 นาที ต่อวัน ! แล้วคุณจะผอม พุงลดลง 5-10 นิ้ว ไขมันหายไป ภายใน 2 สัปดาห์ :-D

     ใครบอกคุณแบบนี้หละก็ อย่าเชื่อเด็ดขาดครับ ไม่จริง 1000%

     หากคุณจะลดพุง สลายไขมัน จะต้องเป็นการออกกำลังกายแบบ Cardiovascular exercise หรือ Aerobic exercise หรือ แบบแอโรบิกนั่นเอง ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน และด้วยการออกำลังกายแบบนี้ จะมีการดึงเอาไขมันที่สะสมภายในร่างกายออกมาใช้เผาผลาญให้เกิดพลังงาน

     และก็ไม่ใช่ว่า ตั้งแต่นาทีแรกที่ลู่วิ่งไฟฟ้าเริ่มหมุนคุณอยู่บนลู่วิ่ง ไขมันของคุณจะถูกเผาผลาญในทั้งที อย่าเข้าใจแบบนั้นเชียว


     ประมาณ 20 นาทีแรก ของการออกกำลังกาย ร่างกายจะยังคงใช้พลังงานจากส่วนที่เป็นสำรองไว้ตามกล้ามเนื้อหรือตับ ก่อน เพราะฉะนั้นหากคุณใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าน้อยกว่า 20 นาทีต่อวันแล้วหละก็
"อย่าหวังว่า พุงของคุณจะลดลงได้"
     หลังจาก 20 นาทีเป็นต้นไป ร่างกายจะค่อย ๆ นำไขมันมาใช้ เพราะพลังงานสำรองจากกล้ามเนื้อและตับไม่เพียงพอ หลังจากนี้แหละครับ จุดเริ่มต้นของกระบวนการ "ลดพุง" ทุก ๆ นาที ทุก ๆ ก้าว บนลู่วิ่งไฟฟ้า ต่อจากนี้ จะนำคุณไปสู่เป้าหมายที่คุณตั้งไว้ !

     อย่ามัวรอช้า กดปุ่ม START แล้วเริ่มออกวิ่ง

     *เทคนิคที่จะให้ลู่วิ่งไฟฟ้าช่วยคุณไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้น ลอง "วิ่งเร็ว" สลับกับ "วิ่งช้า" สลับไปสลับมา ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบ High-intensity interval training (HIIT) นี่จะช่วยให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันมากขึ้นเลยทีเดียว

ใช้ ''ลู่วิ่งไฟฟ้า'' อย่างมือโปร

     ในเมื่อคิดจะออกกำลังกายด้วยลู่วิ่งไฟฟ้าแล้ว ก็เอาให้เต็มที่ไปเลย ! วิ่งให้ถูกวิธี วิ่งให้นาน วิ่งให้ไกล พัฒนาตัวเอง ค่อย ๆ ขยับเป้าหมาย คุณจะเริ่มมีความสุขกับการวิ่ง ๆ ๆ แล้วก็วิ่ง แล้วคุณจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากเลยทีเดียว -^o^-

     ถึงยังไงก็ตาม ไม่ว่าคุณจะตั้งเป้าหมายที่จะวิ่งลู่วิ่งไฟฟ้าไว้ใหญ่สักแค่ไหน ไม่ว่าจะลดน้ำหนัก ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ หรือแม้แต่เตรียมตัวไปแข่งวิ่งมาราธอน เราก็สามารถจะหัดวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าให้ถูกวิธีอย่างมือโปรได้ จริงไหมครับ

     เพราะไม่เพียงแค่มันจะทำให้คุณวิ่งได้ดีขึ้น วิ่งได้นานขึ้น เท่านั้น การใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าให้ถูกวิธีและวิ่งอย่างถูกหลักนั้น สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุหรืออาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดจากการวิ่งได้


การวางเท้า

     ส้นเท้าต้องเป็นส่วนที่สัมผัสพื้นก่อน แล้วฝ่าเท้าและปลายเท้าจึงค่อย ๆ สัมผัสพื้นตามลำดับ (ให้ริมเท้าด้านนอกสัมผัสก่อนก็จะช่วยลดแรงกระแทกได้) หลังจากนั้นจึงถีบพื้นด้วยปลายเท้าเพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า จังหวะที่เท้าข้างหน้าสัมผัสพื้นต้องเป็นจังหวะที่เข่างอเล็กน้อย

     นักวิ่งเร็วจะวิ่งโดยการใช้ปลายเท้าสัมผัสพื้นก่อน แต่นักวิ่งระยะไกลหรือวิ่งเพื่อสุขภาพควรจะให้ส้นเท้าสัมผัสพื้นก่อน รวมถึงการวิ่งบนลู่วิ่งไฟฟ้าด้วยก็ควรใช้วิธีที่ส้นเท้าลงก่อนครับ

แขนและลำตัว

     แขนแกว่งตามธรรมชาติ งอเล็กน้อยตามความสบาย แต่ไม่ควรงอจนแคบกว่า 90 องศา ปล่อยตามสบายไม่เกร็ง ลำตัวตั้งตรงไม่เอียงตัวไปทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะข้างหน้าหรือข้างหนัง

ความเร็ว

     วิ่งจนได้เร็วระดับที่จนรู้สึกว่าหายใจแรง วิ่งไปสักระยะเวลาหนึ่งควรจะมีเหงื่อออก อย่าลืม! เริ่มจากความเร็วต่ำ ๆ ก่อน หากวิ่งไปแล้วรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน ใจสั่น เจ็บหน้าอก หูอื้อ ให้ค่อย ๆ ลดความเร็วลง หากยังไม่หายให้เปลี่ยนเป็นเดิน หากยังไม่หายอีกให้หยุดวิ่งก่อน

ความถี่ ระยะเวลาในการวิ่ง

     สำหรับการวิ่งเพื่อสุขภาพอย่างต่ำควรวิ่งให้ได้ 3 วันต่อสัปดาห์ ในหนึ่งสัปดาห์ควรมี 1 วันที่วิ่งเร็ว(การวิ่งเร็วจะช่วยให้หัวใจทำงานแข็งแรง)  และอีก 1 วันที่วิ่งระยะทางไกล ๆ วิ่งจนรู้สึกกล้ามเนื้อปวดเมื่อย (เป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ)

     แล้วอย่าลืมเรื่องง่าย ๆ ในการใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าเหล่านี้ด้วยนะครับ เรื่องพื้นฐาน ๆ ที่ผู้ใช้ลู่วิ่งไฟฟ้าไม่ควรลืม !